เมื่อน้องมุกอยากเป็น Beauty Blogger
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ กลับมาพบกับมุกอีกเช่นเคยนะคะ วันนี้มุกก็จะมาอัพเดท skin care ที่มุกใช้อยู่ช่วงนี้ค่ะ 555555555555555 พอได้มั๊ยคะ
หลอกๆ แค่อยากแชร์ skin care ที่ใช้แล้วรู้สึกชอบมากกว่า แบบว่าใช้ๆไปมันก็เบื่อ แต่มันก็ใช้ดี แล้วก็หาที่ดีกว่ามันไม่ได้ บางอันเราก็ประทับใจจากส่วนผสม บางอันก็ประทับใจจากผลลัพธ์ คละๆกันไป
เริ่มจาก Make up remover ก่อนเลย คือล้างเครื่องสำอาง ก็เคยใช้มาไม่กี่ยี่ห้อหรอก เพราะปกติไม่ได้แต่งหน้า อันที่ใช้แล้วดีที่สุด หน้าสะอาด สิวหาย สิวไม่ขึ้นเพิ่ม ก็ต้องยกให้ ตัวนี้เลยค่า ในบรรดาไม่กี่ตัวที่เคยใช้มา ชอบตัวนี้สุด แล้วตัวนี้มันดียังไงเหรอ ในแง่ของส่วนผสม ของยี่ห้อนี้ส่วนใหญ่ ต้องบอกว่าไม่ต้องเห็นความพิเศษอะไร ดู simple มาก แต่ใช้ดีมาก เหมือนเค้าเขียนบอกไม่หมดเหรอวะ หรือว่าไง ขวดนี้นี่ก็ไม่ได้ซื้อนะ ส่วนมากจะได้เป็นของแถมจากตอนที่ซื้อของที่เคาท์เตอร์เยอะๆมากกว่า
ต่อไป Cleanser อันนี้ใช้ไรก็ได้ ขอให้เป็นเจล เป็นโลชั่น ที่ไม่ใช่โฟมอ่ะ ไม่ถูกกับโฟมเท่าไหร่
แต่ตอนนี้ที่ชอบแบบใช้แล้วชอบมากก็คือตัวนี้ ลองซื้อมาใช้ รู้สึกว่าเออ สะอาดดี ใช้ได้ ไม่มีปัญหาอะไร แต่มีบางวันที่ขี้เกียจใช้เจลตัวเอง ก็ไปใช้โฟมของคนอื่นในห้องน้ำ แม้กระทั่งโฟมของยูเซอรินเอง ก็รู้สึกไม่ดีอ่ะ เจลของยี่ห้ออื่นก็รู้สึกไม่ดี เหมือนหน้ามันงงๆ ต่อไปนี้ ส่วนตัวก็ไม่ต้องนั่งดูรีวิว cleanser อันไหนเลย อันนี้หมดก็ซื้อใหม่ ชอบมากจริงๆ
โทนเนอร์เราไม่มีตัวที่ชอบอ่ะ เพราะสังเกตว่าช่วงที่ไม่ใช้สำลีเช็ดหน้า รูขุมขนก็จะเล็กลง ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากใช้ อีกอย่างนะ เจลหล้างหน้าที่รีวิวไว้อันบนเนี่ย ใช้โทนเนอร์ตัวไหนเช็ด ก็ไม่มีคราบอะไรออกมาเลย ถ้าช่วงไหนที่รู้สึกว่าอยากได้ความสะอาดเพิ่ม ก็มาส์คโคลน ไม่ก็สครับหน้าไป เสร็จก็เอาน้ำแข็งมาถูๆหน้า น้ำแข็งนี่ใช้แล้วหน้าเปล่งปลั่ง รูขุมขนกระชับสุดละ แต่ว่าทำไมคะ ขี้เกียจทำไงคะ
มากันต่อที่ Moisturizer บ้างละ
เป็นอะไรที่แปลกมาก ทั้งๆที่เราเป็นคนหน้ามันแต่เราต้องใช้ moisturizer ที่เป็นครีมอ่ะ ถ้าเราใช้อะไรที่ไม่ทำให้หน้าเรามัน พวก gel-cream ไรงี๊ มันเหมือนชุ่มชื้นไม่พอ หน้าไม่ค่อยมัน รูขุมขนเราจะดูกว้าง ถ้าหน้าเรามันๆ รูขุมขนเราจะดูแคบลง ลองเอาไปหาดูเหมือนกัน หน้ามัน รูขุมขนกว้าง เป็นไปได้ว่ามาจากความแก่ และอายุที่มากขึ้น มัน lose firmness ไรงี๊ ถึงว่า เราถึงชอบใช้ครีมสำหรับคนแก่แหละ ใช้แล้วหน้ามันตึงดี อย่าง eucerin กระปุกสีทอง เราเอาของแม่มาใช้ เพราะแม่ขี้เกียจใช้ หน้านี่ตึงกระชับดีมาก อีกอันก็ Immotelle divine cream อันนี้ซื้อเทสเตอร์จาก shopee มาใช้ ซื้อมา 45 ml ได้ จนตอนนี้ใช้หมดละ อันนี้ก็ดี ชอบตรงที่ใช้แล้วหน้ามันไม่ได้มันเกินไป แต่ผลลัพธ์ที่ได้ ถูกใจมาก ต่อไปเราคงลงทุนกับ moisturizer ดีๆนี่แหละ น่าจะคุ้มสำหรับเราสุดละ นอกเรื่องนิดนึง เราเคยรับตัวอย่างผลิตภัณฑ์ทดลองของ domohorn wrinkle มา ก็ใช้ดีหมดเลยนะ ที่ประทับใจสุดก็ตัวเซรั่มนี่แหละ ใช้แล้วหน้าใส อ่านส่วนผสม อ้อ ใช้ ascorbyl glucoside เราก็เลยไปหาเซรั่มที่ใช้วิตซีตัวนี้บ้าง ก็มี cutepress นี่แหละ แต่ใกล้เกลือกินด่างไง ม่ายช่าย ลองมาคำนวณแล้ว ถ้าซื้อเซรั่ม cutepress กับ divine serum ในปริมาณที่เท่ากัน แล้วราคามันไม่ได้ต่างกันมาก เราก็อยากลองใช้ของแพงไง เลยลองสั่ง divine serum มาใช้ หน้าใสดี รอยแดงจากสิวก็หายไวดี รอยแดงๆที่มันช้ำๆอ่ะ เราเลยไปวอแวให้น้องสาวเราฟัง ว่าไปหาซื้อมาใช้สิ น้องเราเรียนอยู่จีน หาซื้อใน taobao ได้ราคาถูกกว่าซื้อใน shopee เกินครึ่ง น้องใช้แล้วก็ชอบเหมือนกัน หน้าใส เห็นผลเร็วดี น้องซื้อกลับมาฝากด้วย เห็นราคาของใน taobao แล้ว อยากเป็นแม่ค้าออนไลน์ขึ้นมาทันที ตอนไปงานรับปริญญาน้อง จะซื้อตุนมาเยอะๆเลย 5555
*อัพเดทวันที่ 15 เมษา 2563 เราเก็ทละ ว่าทำไมเราถึงใช้ moisturizer สำหรับคนแก่แล้วมันเวิร์ค เพราะครีมพวกนี้ส่วนใหญ่จะมีทั้ง emolient แล้วก็ occlusive ซึ่งเราเป็นคนหน้ามัน และตามทฤษฏีคนหน้ามันอาจจะไม่จำเป็นต้องใช้ occlusive แถมยังจะทำให้อุดตันอีกต่างหาก แต่กลายเป็นว่าเราต้องใช้พวก occlusive อ่ะ เข้าใจละว่าทำไมพวก gel cream ถึงไม่เวิร์คสำหรับเรา เหมือนตอนนั้นที่เราซื้อ gel cream ของยูเซอรินสำหรับคนหน้ามันมาใช้แล้วรู้สึกเฉยๆ แต่ใช้สูตรครีมแล้วดันเวิร์ค แล้วครีมที่ส่วนใหญ่รู้สึกว่าใช้แล้วดีจะมี squalane เราก็จะรู้สึกว่าเออ เราต้องหาครีมที่มี squalane นะ เพราะส่วนผสมนี้ถูกกับหน้าเรา แต่จริงๆเราว่าเราคงต้องการ occlusive แหละ รู้สึกภูมิใจในตัวเองจริงๆ ในที่สุดก็หาคำตอบให้ตัวเองได้ซักที 55555555
อายครีมตัวนี้ เราเลือกมาจากส่วนผสมที่เป็นประโยชน์กับใต้ตาทั้งนั้น ตาเราก็มีคล้ำบ้างแต่ไม่มาก พอได้มาก็ทาไปทุกวัน ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันดียังไง มีบางช่วงก็ไม่ได้ใช้ เพราะขี้เกียจทา กลายเป็นว่าใต้ตาดำชัดเลย ตอนใช้อยู่มันไม่เคยดำแบบนี้ ก็เลยขยันเอามาทาต่อ กระปุกละ 30 ml ใช้ได้นานมาก ไม่รู้ว่าชาตินี้จะใช้หมดมั๊ย หมดแล้วก็ต้องไปหาอีกว่ามีอันไหนที่ส่วนผสมถูกใจเหมือนอันนี้อีกมั๊ย ส่วนผสมอันนี้นี่คือครอบคลุมสำหรับใต้ตาจริงๆ
Sleeping mask
หลอกๆ แค่อยากแชร์ skin care ที่ใช้แล้วรู้สึกชอบมากกว่า แบบว่าใช้ๆไปมันก็เบื่อ แต่มันก็ใช้ดี แล้วก็หาที่ดีกว่ามันไม่ได้ บางอันเราก็ประทับใจจากส่วนผสม บางอันก็ประทับใจจากผลลัพธ์ คละๆกันไป
เริ่มจาก Make up remover ก่อนเลย คือล้างเครื่องสำอาง ก็เคยใช้มาไม่กี่ยี่ห้อหรอก เพราะปกติไม่ได้แต่งหน้า อันที่ใช้แล้วดีที่สุด หน้าสะอาด สิวหาย สิวไม่ขึ้นเพิ่ม ก็ต้องยกให้ ตัวนี้เลยค่า ในบรรดาไม่กี่ตัวที่เคยใช้มา ชอบตัวนี้สุด แล้วตัวนี้มันดียังไงเหรอ ในแง่ของส่วนผสม ของยี่ห้อนี้ส่วนใหญ่ ต้องบอกว่าไม่ต้องเห็นความพิเศษอะไร ดู simple มาก แต่ใช้ดีมาก เหมือนเค้าเขียนบอกไม่หมดเหรอวะ หรือว่าไง ขวดนี้นี่ก็ไม่ได้ซื้อนะ ส่วนมากจะได้เป็นของแถมจากตอนที่ซื้อของที่เคาท์เตอร์เยอะๆมากกว่า
แต่ก็มีตัวอื่นที่อยากลองนะ อยากลองที่มีส่วนผสม Rice ferment filtrate เพราะบริษัทใส่คุณสมบัติไว้ว่า ช่วย detox ผิว แล้วก็เป็น moisturizer ด้วย แต่ว่ายังไม่เคยลองซื้อมาใช้หรอก ไม่มีตัง เศร้ามั๊ยชีวิต
ต่อไป Cleanser อันนี้ใช้ไรก็ได้ ขอให้เป็นเจล เป็นโลชั่น ที่ไม่ใช่โฟมอ่ะ ไม่ถูกกับโฟมเท่าไหร่
แต่ตอนนี้ที่ชอบแบบใช้แล้วชอบมากก็คือตัวนี้ ลองซื้อมาใช้ รู้สึกว่าเออ สะอาดดี ใช้ได้ ไม่มีปัญหาอะไร แต่มีบางวันที่ขี้เกียจใช้เจลตัวเอง ก็ไปใช้โฟมของคนอื่นในห้องน้ำ แม้กระทั่งโฟมของยูเซอรินเอง ก็รู้สึกไม่ดีอ่ะ เจลของยี่ห้ออื่นก็รู้สึกไม่ดี เหมือนหน้ามันงงๆ ต่อไปนี้ ส่วนตัวก็ไม่ต้องนั่งดูรีวิว cleanser อันไหนเลย อันนี้หมดก็ซื้อใหม่ ชอบมากจริงๆ
โทนเนอร์เราไม่มีตัวที่ชอบอ่ะ เพราะสังเกตว่าช่วงที่ไม่ใช้สำลีเช็ดหน้า รูขุมขนก็จะเล็กลง ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากใช้ อีกอย่างนะ เจลหล้างหน้าที่รีวิวไว้อันบนเนี่ย ใช้โทนเนอร์ตัวไหนเช็ด ก็ไม่มีคราบอะไรออกมาเลย ถ้าช่วงไหนที่รู้สึกว่าอยากได้ความสะอาดเพิ่ม ก็มาส์คโคลน ไม่ก็สครับหน้าไป เสร็จก็เอาน้ำแข็งมาถูๆหน้า น้ำแข็งนี่ใช้แล้วหน้าเปล่งปลั่ง รูขุมขนกระชับสุดละ แต่ว่าทำไมคะ ขี้เกียจทำไงคะ
ต่อไปก็ถึงเวลาของ Serum แล้วค่ะ
ส่วนผสม: Water, aloe barbadensis leaf juice, sodium ascorbyl phosphate, glycerin, phenethyl alcohol, caprylyl glycol, ethylhyxyl glycerin, hydroxyethylcellulose, xanthan gum, citrus paradisi (grapefruit) oil, sodium hyaluronate acid, hydroxypropyl cyclodextrin, palmitoyl tripeptide-38, camellia sinensis (green tea) leaf extract, glycine soja (soybean) protein, hydrolyzed rice protein, superoxide dismutase, simmondsia chinensis (jojoba) seed oil, tocopheryl acetate (vitamin E acetate)
ตัวนี้เป็นแรงบันดาลใจใจการเขียนเรื่องนี้เลยก็ว่าได้ ชื่อว่า hyaluronic serum แต่เราว่ามันดูเป็น antioxidant serum มากกว่า ปกติอ่ะ เราจะทำ antioxidant serum ใช้เอง แต่หลังจากที่มันหมด แล้วเราก็ขี้เกียจทำ แล้วเดี๋ยวนี้เราก็ซื้อใช้มากกว่าทำใช้เหมือนเมื่อก่อน ตอนนี้เราใช้กำลังจะหมดขวดที่ 3 ละ ก็โอเคอยู่นะ สิวไม่ขึ้นเพิ่ม มากกว่าคำว่าโอเค มันคือส่วนผสมและราคาที่แสนจะถูก ในนี้สิ่งที่คุณจะได้ก็คือ
1. sodium ascorbyl phosphate อันนี้วิตามินซี 2. tocopheryl acetate อันนี้วิตามินอี 3. Grapefruit oil ตอนแรกก็ไม่เข้าใจเหตุผลแหละ ว่าทำไมต้องใส่ตัวนี้วะ มันพิเศษยังไง ไปพูดถึงอีกอันก่อน 4. superoxide dismutase หรือที่เรียกกันว่า SOD ตอนแรกเราก็แอบเสียดาย ว่าถ้าครบ antioxidant network เลยก็คงดี แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวไปหา toner ที่มี thiol มาใช้ก็ได้ แล้ววันนี้ก็เลยไปหาว่า โมเลกุลที่มี thiol group มีตัวไหนบ้าง จะได้จำไว้ไปหา แล้วก็มีอันนึงมันเขียนว่า Grapefruit Mercaptan แบบคือไรวะ เออ อันนี้เราหาใน wikipedia นะ มันก็คือ thiol substance ที่มีอยู่ใน grapefruit oil เท่านั้นแหละ เราอ๋อเลย ว่าทำไมมันใส่ grapefruit oil มาวะ significant ยังไง 5. Palmitoyl tripeptide-38 อันนี้มันชื่อ Matrixylsynthe'6 นี่แหละ ถ้าจำไม่ผิดนะ มันจะไปช่วยสังเคราะห์ extracelluar matrix อะไรประมาณนั้น ซึ่งตัวที่เคลมแบบนี้ก็มีทั้ง Matrixyl, Matrixyl3000 เราก็อยากลองไปหลายๆตัวอ่ะ ว่าหน้าเราถูกกับตัวไหน แล้วที่จะได้จากตัวนี้อีกก็คือ antioxidant จากชาเขียว ไอ้ moisturizer จาก jojoba oil, aloe vera extract กับ hyarolunic แล้วก็ anti-aging จาก hydrolyzed rice protien ทั้งหมดนี้ในราคา 116 บาท กับปริมาตร 10 ml ใช้ไปหน้าก็จะแน่นๆหน่อย รอยสิวแดงๆก็จางลง ควรค่าแก่การลงทุนอ่ะ เออ อันนี้เราใช้แค่ตอนเช้าอย่างเดียว ตอนแรกเราซื้อมา 2 ขวด แล้วเมื่อวานมันลดอยู่ 23% เราเลยซื้อมาเพิ่มอีก 3 ขวด คงใช้ต่อไปยาวๆ จนกว่าจะเจอตัวที่ถูกและดีกว่านี้
เป็นอะไรที่แปลกมาก ทั้งๆที่เราเป็นคนหน้ามันแต่เราต้องใช้ moisturizer ที่เป็นครีมอ่ะ ถ้าเราใช้อะไรที่ไม่ทำให้หน้าเรามัน พวก gel-cream ไรงี๊ มันเหมือนชุ่มชื้นไม่พอ หน้าไม่ค่อยมัน รูขุมขนเราจะดูกว้าง ถ้าหน้าเรามันๆ รูขุมขนเราจะดูแคบลง ลองเอาไปหาดูเหมือนกัน หน้ามัน รูขุมขนกว้าง เป็นไปได้ว่ามาจากความแก่ และอายุที่มากขึ้น มัน lose firmness ไรงี๊ ถึงว่า เราถึงชอบใช้ครีมสำหรับคนแก่แหละ ใช้แล้วหน้ามันตึงดี อย่าง eucerin กระปุกสีทอง เราเอาของแม่มาใช้ เพราะแม่ขี้เกียจใช้ หน้านี่ตึงกระชับดีมาก อีกอันก็ Immotelle divine cream อันนี้ซื้อเทสเตอร์จาก shopee มาใช้ ซื้อมา 45 ml ได้ จนตอนนี้ใช้หมดละ อันนี้ก็ดี ชอบตรงที่ใช้แล้วหน้ามันไม่ได้มันเกินไป แต่ผลลัพธ์ที่ได้ ถูกใจมาก ต่อไปเราคงลงทุนกับ moisturizer ดีๆนี่แหละ น่าจะคุ้มสำหรับเราสุดละ นอกเรื่องนิดนึง เราเคยรับตัวอย่างผลิตภัณฑ์ทดลองของ domohorn wrinkle มา ก็ใช้ดีหมดเลยนะ ที่ประทับใจสุดก็ตัวเซรั่มนี่แหละ ใช้แล้วหน้าใส อ่านส่วนผสม อ้อ ใช้ ascorbyl glucoside เราก็เลยไปหาเซรั่มที่ใช้วิตซีตัวนี้บ้าง ก็มี cutepress นี่แหละ แต่ใกล้เกลือกินด่างไง ม่ายช่าย ลองมาคำนวณแล้ว ถ้าซื้อเซรั่ม cutepress กับ divine serum ในปริมาณที่เท่ากัน แล้วราคามันไม่ได้ต่างกันมาก เราก็อยากลองใช้ของแพงไง เลยลองสั่ง divine serum มาใช้ หน้าใสดี รอยแดงจากสิวก็หายไวดี รอยแดงๆที่มันช้ำๆอ่ะ เราเลยไปวอแวให้น้องสาวเราฟัง ว่าไปหาซื้อมาใช้สิ น้องเราเรียนอยู่จีน หาซื้อใน taobao ได้ราคาถูกกว่าซื้อใน shopee เกินครึ่ง น้องใช้แล้วก็ชอบเหมือนกัน หน้าใส เห็นผลเร็วดี น้องซื้อกลับมาฝากด้วย เห็นราคาของใน taobao แล้ว อยากเป็นแม่ค้าออนไลน์ขึ้นมาทันที ตอนไปงานรับปริญญาน้อง จะซื้อตุนมาเยอะๆเลย 5555
*อัพเดทวันที่ 15 เมษา 2563 เราเก็ทละ ว่าทำไมเราถึงใช้ moisturizer สำหรับคนแก่แล้วมันเวิร์ค เพราะครีมพวกนี้ส่วนใหญ่จะมีทั้ง emolient แล้วก็ occlusive ซึ่งเราเป็นคนหน้ามัน และตามทฤษฏีคนหน้ามันอาจจะไม่จำเป็นต้องใช้ occlusive แถมยังจะทำให้อุดตันอีกต่างหาก แต่กลายเป็นว่าเราต้องใช้พวก occlusive อ่ะ เข้าใจละว่าทำไมพวก gel cream ถึงไม่เวิร์คสำหรับเรา เหมือนตอนนั้นที่เราซื้อ gel cream ของยูเซอรินสำหรับคนหน้ามันมาใช้แล้วรู้สึกเฉยๆ แต่ใช้สูตรครีมแล้วดันเวิร์ค แล้วครีมที่ส่วนใหญ่รู้สึกว่าใช้แล้วดีจะมี squalane เราก็จะรู้สึกว่าเออ เราต้องหาครีมที่มี squalane นะ เพราะส่วนผสมนี้ถูกกับหน้าเรา แต่จริงๆเราว่าเราคงต้องการ occlusive แหละ รู้สึกภูมิใจในตัวเองจริงๆ ในที่สุดก็หาคำตอบให้ตัวเองได้ซักที 55555555
Face oil
ใช้ดี ใช้แล้วหน้าขาวดี ทั้งๆที่เป็น facial oil นะ แต่หน้าขาวขึ้นกว่าพวก whitening อีก แต่ไม่ค่อยมีโอกาสได้ใช้ เพราะหน้ามัน
Eye cream
ส่วนผสม: Water, glycerin, caprylic/capric triglyceride, isodecyl neopentanoate, dicaprylyl carbonate, cetyl alcohol, glyceryl stearate, peg-100 stearate, dimethicone, sodium hyaluronate, palmitoyl tetrapeptide-7, palmitoyl tripeptide-1, dipeptide-2, whey protein, steareth-20, retinol, n-hydroxysuccinimide, chrysin, caffeine, hesperidin methyl chalcone, stearic acid, panax ginseng root extract, camellia sinensis (green tea) leaf extract, undaria pinnatifida extract, butyrospermum parkii (shea) butter, oryza sativa (rice) bran oil, tocopheryl acetate, xanthan gum, carbomer, disodium edta, caprylyl glycol, hexylene glycol, phenoxyethanol, ethylhexylglycerin, sodium hydroxide
อายครีมตัวนี้ เราเลือกมาจากส่วนผสมที่เป็นประโยชน์กับใต้ตาทั้งนั้น ตาเราก็มีคล้ำบ้างแต่ไม่มาก พอได้มาก็ทาไปทุกวัน ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันดียังไง มีบางช่วงก็ไม่ได้ใช้ เพราะขี้เกียจทา กลายเป็นว่าใต้ตาดำชัดเลย ตอนใช้อยู่มันไม่เคยดำแบบนี้ ก็เลยขยันเอามาทาต่อ กระปุกละ 30 ml ใช้ได้นานมาก ไม่รู้ว่าชาตินี้จะใช้หมดมั๊ย หมดแล้วก็ต้องไปหาอีกว่ามีอันไหนที่ส่วนผสมถูกใจเหมือนอันนี้อีกมั๊ย ส่วนผสมอันนี้นี่คือครอบคลุมสำหรับใต้ตาจริงๆ
Sleeping mask
ปกติเรามี sleeping mask ใช้อยู่อันนึง ของลังโคม กระปุกเขียวๆอ่ะ ได้เป็นของแถมมาตอนซื้อน้ำหอม 2 ขวด เพราะส่วนผสมดูไม่มีอะไรเลย ถ้าให้เสียเงินซื้อเองก็คงไม่ซื้ออ่ะ แต่ก็แอบดีตรงที่ตื่นเช้ามา หน้าที่เป็นรอยแดงๆมันดีขึ้น แล้วก็หน้าดูสดชื่นขึ้นนิดนึง
แล้วก่อนหน้านี้ก็มีอยู่ช่วงนึงที่อยากใช้ sleeping mask เลยเอา laneige ของแม่มาใช้ ใช้ๆไปมันก็รู้สึกดีนะ ก็เลยเริ่มไปดูรีวิว sleeping mask แล้วก็มี 2 อันที่สนใจเพิ่ม ก็คือของ cutepress แล้วก็ของ biotherm อ่านจากผลลัพธ์ที่ได้ที่เค้ารีวิวไว้ มันตรงกับความต้องการเราสุด แต่ขอสรุปเลยแล้วกัน กลายเป็นว่าเราชอบใช้ cutepress มากสุด ใช้แล้วหน้ามันก็จะใสๆ รูขุมขนดูเล็กลง ในขณะที่ biotherm หน้ามันขาวเปล่องปลั่งดี แต่ใช้แล้วหน้ามัน แล้วตอนเช้ารูขุมขนมันก็จะดูกว้างๆด้วย ส่วนเรื่องลดรอยแดงคิดว่าก็ทำได้ดีๆพอกับ cute press นะ อย่าง sodium ascorbyl phospahte หรือ ascorbyl glucoside สำหรับเราก็ลดรอยแดงได้เหมือนกัน กันแดดยูเซอรินตัวที่ใช้อยู่ก็ลดได้ ครีม instant sooting ของยูเซอรินก็ลดได้ พวกนี้ทาผ่านไปซักครึ่งชม. รอยแดงก็จางลงละ สำหรับเรานะ สำหรับคนอื่นอาจจะได้ผลลัพธ์เหมือนหรือไม่เหมือนกัน อันนี้ก็ไม่รู้ ส่วน laniege ที่รู้สึกว่าเออตอนใช้อยู่มันก็ดีนะ ช่วงแรกที่ใช้ laneige เลย ใช้หลายๆวันติดต่อกัน ก็จะรู้สึกหน้ามันโกลวๆ แต่สุดท้ายกลายเป็นชอบอันอื่นมากกว่าโดยปริยาย จริงๆเราก็อยากลอง neutrogena อีกอันนึง ยังไม่เคยลองเลย หลายปีมานี้ที่เราปิดกั้นตัวเองโดยการอ่านแต่ส่วนผสม ไม่ได้สนใจรีวิวเท่าไหร่ บางทีมันก็ต้องลองตามที่คนอื่นเค้าบอกว่าดีบ้าง ถึงในใจจะคิดว่าส่วนผสมก็ไม่ได้มีห่าไรเลย ทำไมแพงจังวะ ก็ตาม เผื่อเราจะใช้แล้วชอบก็ได้ เออ นอกเรื่องอีกละ หลังจากที่เรานั่งอ่านส่วนผสมเล่น พวก natural extract บางอัน มันก็ให้ผลลัพธ์ทาง cosmetics ใช้แล้วหน้าดูเรียบเนียน ดูยกกระชับ เราก็เอาส่วนผสมพวกนี้ในรองพื้นไรงี๊นะ (หาเผื่อไว้ ถึงเราจะไม่ได้แต่งหน้าก็เหอะ) แต่ก็นั่นแหละ ก็จะไปเจอส่วนผสมพวกนี้ในเซรั่มแพงๆ ที่บางอันก็เป็น favorite item ของหลายต่อหลายคน บางคนชอบใช้ของถูกและดี บางคนชอบใช้แล้วแพงแล้วดี(ต่อใจ) ก็แล้วแต่เค้าอ่ะเนอะ
sleeping mask เป็นอย่างนึงที่เราไม่ได้สนใจส่วนผสมเท่าไหร่ (ไม่มี mineral oil กับ น้ำมันมะพร้าวก็โอเคละ) เราอาศัยอ่านรีวิวเอา แต่เราก็พยายามอ่านของหลายๆคน ว่าผลิตภัณฑ์เดียวกัน เค้าได้ผลลัพธ์ไปในทางเดียวกันรึเปล่า
sleeping mask เป็นอย่างนึงที่เราไม่ได้สนใจส่วนผสมเท่าไหร่ (ไม่มี mineral oil กับ น้ำมันมะพร้าวก็โอเคละ) เราอาศัยอ่านรีวิวเอา แต่เราก็พยายามอ่านของหลายๆคน ว่าผลิตภัณฑ์เดียวกัน เค้าได้ผลลัพธ์ไปในทางเดียวกันรึเปล่า
Body sunscreen
Soltan protect&tan spf30
ปกติเราเป็นคนที่ไม่ทาครีมทาผิวตอนกลางคืน ทาที่เป็นกันแดดแต่ตอนกลางวัน อันนี้เราซื้อใน boots ตอนลดราคาอยู่ 90% มั๊ง ความดีงามของกันแดดรุ่นนี้คือ กันแดดได้จริง ออกไปข้างนอกแล้วตัวไม่ดำขึ้น (ก็มันคือครีมกันแดดป่ะ) แต่สิ่งที่ชอบจริงๆคือ ใช้แล้ว สีผิวจะสม่ำเสมอกัน ทั้งๆที่เคลมว่า protect&tan แต่ใช้แล้วเหมือนตัวขาวขึ้น รุ่นนี้หัวจะเป็นแบบสเปรย์ แล้วผลิตภัณฑ์เป็นเนื้อน้ำนม ชอบแบบนี้มากกว่าขวดสีเหลืองใส อันนั้นมันเหนียวไปหน่อย รู้สึกกันแดดไม่ค่อยดีแล้ว ทั้งๆที่ก็ใช้ปริมาณเท่ากันนะ แต่กลิ่นอันนั้นดีกว่าอันนี้ ส่วน spf เราใช้แค่ 30 พอ เพราะเหมือนว่าเคยลองทำ quiz ในเว็ปไซต์นี่แหละ ประมาณว่า เราผิวขาวเหลือง และปัจจัยอื่นๆอีก กันแดดตัว ใช้แค่ spf30 ก็พอ ซึ่งถ้าดูจากผลลัพธ์มันก็พอจริงๆ ซื้อมาใช้หมดไปหลายขวดแล้วอันนี้ สำหรับเรามันใช้ดีมาก เห็นลดราคาอยู่ คือซื้อตุนเอาไว้ตลอด
Face sunscreen
ใช้มาหลายปีละ 4-5 ปีได้ หมดไปหลายขวด ต้องสูตรนี้ด้วยนะ สูตร anti-age นี่ หน้ามันเยิ้มไม่ไหว ใช้ทีละครึ่งปั๊ม ต้อง spf50 ด้วยนะ ถึงจะใช้อยู่ในบ้านก็ เคยใช้ของยูเซอรินแต่spf30 หน้านี่หมองไปเลย
Wash-off mask
ตั้งแต่ที่เคยใช้มาส์คมานะ ชอบอันนี้มากที่สุด ชอบมากๆโคตรๆ ตอนทาไปมันก็ไม่ได้รู้สึกสบายผิวอะไรหรอก แสบๆเย็นๆด้วยซ้ำ แต่พอล้างหน้าแล้วแบบ ผิวเนียน ละเอียด ไป 1-2 วันเลย ชอบมาก มาส์คโคลนฮิตๆอันอื่น ดีสู้อันนี้ไม่ได้เลยอ่ะ ส่วนตัวนะ ชอบมาก ชอบมากจริงๆ อยากลองสูตรชาเขียวเหมือนกัน แต่ก็กลัวจะดีสู้กันนี้ไม่ได้ มันคือ Himalayan charcoal purifying glow mask เราใช้หมดแล้ว แต่หากระปุกไม่เจอ ทิ้งไปแล้วมั๊ง
- จริงๆก็มีตัวอื่นที่ใช้อีกนะ แต่ว่าไม่ได้ชอบขนาดนั้น ไม่ได้ประทับใจมากเท่าไหร่ อาจจะในเรื่องของทั้งผลลัพธ์ ทั้งราคา มันยังตอบสนองความต้องการเราไม่ได้อ่ะ ที่เขียนนี่ก็ไม่ได้หวังว่าใครต้องชอบเหมือนเรานะ เผื่อเป็นทางเลือก เผื่อตัวนี้ยังไม่เคยเห็น เผื่อตัวนี้ถูกไป ไม่เคยลอง ก็จะได้ลองซะไรงี๊
- อย่างเซรั่มตอนกลางคืน เราก็ยังไม่มีตัวไหนที่รู้สึกว่าว๊าวจริงๆ อย่างที่เราบอก anti-aging cream สนองคามต้องการเราตอนนี้ได้ดีที่สุด ถ้าเมื่อไหร่ที่ใช้แล้วมันไม่ดีเท่าเดิม ตอนนั้นก็คงต้องไปหา anti-aging serum อะไรมาใช้เพิ่มก็ว่าไป retinol, peptide จริงๆก็เคยใช้บ้างแล้ว แต่มันยังไม่ว๊าวขนาดนั้น อาจจะยังไม่ถึงวัยด้วยมั๊ง
- เราเคยใช้ gel-cream เป็น moisturizer ตอนเช้านะ แต่มันไม่ก็ได้ขนาดนั้นอ่ะ ทาแล้วก็เหมือนไม่ได้ทา ทาเซรั่มปุ๊บ ทากันแดดต่อเลย ก็รู้สึกเหมือนกัน
- เออ เราเคยไม่ใช้เจลล้างหน้าตอนเช้าด้วย ล้างแค่น้ำเปล่าแล้วใช้โทนเนอร์เช็ด แล้วค่อยลงอย่างอื่นต่อ แต่มันก็ไม่เวิร์คอ่ะ เราต้องการการล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง (ในขณะที่เราอาบน้ำวันละครั้ง ฮ่าๆ)
- เราชอบใช้ serum ที่มี plant stem cell นะ แบบเป็นความรู้สึกเฉยๆ หน้ามันนุ่มๆดี แต่ไอ้อันที่ชอบใช้มัน discontinued ไปแล้ว แล้วเราก็ยังไม่เจออันไหนที่โดนใจ น่าลอง แต่ว่าคงหาอยู่เรื่อยๆแหละ ทดสอบสมมติฐานไป
- เมื่อปีที่ผ่านมา เราวอแวกับพวก biotechnological actives มาก ดูว่าส่วนผสมนี้ มีอยู่ในครีมตัวไหน เซรั่มอะไร แต่เอาจริงๆป่ะ มันก็ไม่ได้ว๊าวขนาดนั้นอ่ะ พวก ectoin, kombuchka แล้วไรอีก จำไม่ได้ แล้วก็ส่วนผสมเจ๋งๆ ที่อยู่ในครีมแพงๆ ก็ลองไปหาที่มันผสมในครีมที่ราคาถูกลงมาดู ก็เหมือนเดิม มันไม่ได้ว๊าวอีกเหมือนกัน
- ช่วงนี้เรากำลังวอแวกับ probiotics เพราะอ่านแว๊บๆว่า คนที่เป็นสิวเพราะ P.Acne มันเป็น predominant bacteria แล้วถ้าเราลองทา probiotics เข้าไปเพิ่ม microbial ตัวดีๆเราเพิ่ม สิวเราจะหายรึเปล่า ก็เป็นอะไรที่อยากลอง
อันนี้เราไม่ได้เขียนแล้วจบในครั้งเดียวนะ เราเขียนไปเรื่อยๆอ่ะ นึกอะไรออกก็เข้ามาเขียน ไม่ได้อย่างตั้งชื่อเรื่องแบบเป็นเรื่องนี้โดยเฉพาะ อย่างที่บอกว่าตอนนี้เราวอแวกับ probiotics นี่เป็นเพราะคำว่า Skin microbiome เลย ฟังแล้วก็รู้สึกประมาณว่า จุลินทรีย์ที่อยู่บนผิว อารมณ์ว่า Microbial diversity/community/population on facial skin อะไรทำนองนั้น ต้องบอกเลยว่าเราได้แรงบันดาลใจมาจากสกินแคร์ตัวที่เคลมคำนี้เอาไว้ ก็อยากรู้ไง สงสัยว่ามันจะมี microbial species ไหนบ้างนะ แต่พอเข้าไปดูก็เจอแค่ Bifida ferment lysate หรือ filtrate จำไม่ได้ ตอนแรกอ่ะเข้าใจว่านี่คือหมายถึง probiotics แล้ว แต่ก็ยังสงสัยอยู่ดีว่ามันจะเป็นไปได้ไง ว่าบนหน้าคนเราจะมีจุลินทรีย์แค่ genus เดียว ถึงแม้ผิวหน้าคนที่มีสุขภาพดีก็เถอะ มันก็น่าจะมีความหลากหลายทางชีวภาพมากกว่านี้มั๊ย (แต่ไปเจอว่า official website ของบางประเทศใส่ว่ามี lactobacillus อยู่หลัง ascorbyl glucoside นะ แล้วก็มี prebiotics อยู่ 2-3 ตัวด้วยมั๊ง)
เราก็เลยไปพยายามทำความเข้าใจกับคำว่า skin microbiome หาไปหามา ก็ไปเจอ skin probiotics ตอนแรกเราก็ยังไม่เก็ทหรอกว่ามันเหมือนหรือต่างกันยังไง แต่เราไปอ่านเจอหลักการนึงว่า ถ้ามี probiotics ตัวที่ดีๆอยู่บนหน้า มันก็จะทำให้ตัวที่ก่อให้เกิดสิวลดลงแบบอ้อมๆ และนี่ก็คือจุดที่ทำให้เราสนใจจะอ่านต่อไปอีก ว่าต้อง species ไหนนะ
ตอนแรกเราเข้าใจว่า ชื่อจุลินทรีย์ ferment lysate/filtrate/extract อันนี้คือ probiotics แต่ก็มีเซรั่มอันนึงที่เราสนใจก็มีตัวพวกนี้ แล้วก็ยังบอกว่าใส่ probiotics กับ prebiotics อีก เราก็งงดิ ว่าเอ๊า มันไม่ใช่อันเดียวกันเหรอวะ เรานั่งอ่านเรื่องนี้เล่นๆทุกวันมาเกือบอาทิตย์อ่ะ เพลินดี
อยู่ดีๆเราก็มาแว๊บคิดได้ว่า คำว่า filtrate หรือ lysate อะไรพวกนี้ ง่ายๆก็เหมือนโยเกิร์ตที่จุลินทรีย์กินน้ำตาลแลคโตสแล้วก็เปลี่ยนเป็นกรดแลคติก แล้วหลังจากผลิตสารพวกนี้แล้วมันก็คายออกมา แล้วถ้าเราจะเอากรดแลคติก เราก็น่าจะต้องเอาสิ่งที่เราหมักได้ไปปั่นเหวี่ยงเพื่อแยกจุลินทรีย์กับสารที่มันผลิตออกมาออกจากกันเสร็จแล้วอาจจะเอาไปกรองพวกที่มีโมเลกุลใหญ่ๆที่ไม่ต้องการออก อันนี้น่าจะคือ filtrate ส่วนถ้ามีจุลินทรีย์บางชนิด ที่ผลิตสารอะไรแล้วมันไม่ได้คายออกมา เก็บไว้ให้ตัวมัน ก็อาจจะต้องใช้พวกสารลดแรงตึงผิวหรือเม็ดบีดส์เพื่อทำให้เซล์แตกแล้วได้สารในนั้นออกมา หลังจากนั้นก็ค่อยเอาไปปั่นเหวี่ยงเหมือนกัน หลักการมันน่าจะประมาณนี้ แต่เราก็ไม่เป๊ะหรอก อย่าเชื่อเรามาก 555555 อ่ะ ประเด็นนี้เก็บไว้ในใจ
อ่ะต่อๆ เราก็ไปเจอเปเปอร์ประมาณว่า cosmetics ingredients by lactic acid bacteria ก็ไปเจอที่เค้าบอกว่า อย่าง Streptococcus thermophilus ที่ใช้ skim milk เป็น substrate แล้วได้ Hyaluronic acid แล้วมันจะต่างกับอันอื่นยังไง มันก็มีข้อดีตรงที่ HA จากจุลินทรีย์ปลอดภัยกว่า เค้าว่ามาแบบนั้น เราก็เลยอ๋อ มันก็ดูมีมูลค่า ดูมีสตอรี่กว่าด้วยอ่ะเนอะ แล้วมันก็ยังผลิตสารอื่นได้อีก อย่าง Sphingomyelinase เรายกตัวอย่างคร่าวๆแล้วกัน เพราะงั๊น ไอ้คำว่า ferment fitrate/lysate เนี่ย คือมันไม่ได้ใส่จุลินทรีย์ตัวนั้นๆลงไป มันคือสารที่หมักได้เฉยๆ มันก็ไม่น่าถือว่าเป็น probiotics ได้สินะ แล้วไอ้เซรั่มที่ฉันสั่งมาใช้ แล้วมันเขียนว่ามี probiotics มันคืออันไหนวะ เลยไปนั่งหาดูใหม่ อ้อ มี lactobacillus โดยไร้คำว่า ferment ต่อท้าย แล้วก็มี prebiotics เป็น alpha-glucan oligosaccharide กับ Polymnia Sonchifolia root juice มา 2 อัน ส่วนตัวอื่นๆนอกจากนี้ที่เค้าใส่กันก็พวก Apple extract, artichoke extract แล้วก็ xylitol
ส่วนพวก ferment filtrate แล้วก็มีตัวอื่นๆอย่าง Aloe vera หมักกับ lactobacillus หรือ soybean หมักกับ bifida ที่จะได้กรดอะมิโนหรือฟลาโวนอย ที่มันดีต่อผิวชั้น stratum ทั้งหลาย เราก็ไม่ได้อินหรอกเรื่องนี้ เราเลยไม่ค่อยจำ มันเยอะแยะไปหมดอ่ะ species นู่นนั่นนี่ ถ้าส่วนตัวเรา เราอยากใช้ที่หมักจาก Pichia มากกว่า เพราะยีสต์ตัวนี้มันแพงดี 555555 ส่วนจะได้ active ingredients เป็นอะไรไม่สนใจเท่าไหร่ ใช้แล้วหน้าไม่แหกก็พอแล้ว ไม่รู้ว่ามีคนทำรีวิวเปเปอร์ไว้มั๊ย แบบ microbial ferment ทั้งหลายอ่ะ ที่ใช้สารตั้งต้นหลากหลายเป็น substrate แล้วสารที่ได้มา มันเหมือนหรือต่างกันขนาดไหน สมมติเรามอง substrate อันนึงก็มี คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน แร่ธาตุ พอย่อยแล้ว สิ่งที่ได้ก็ขึ้นอยู่กับ gene ของจุลินทรีย์นั้นๆ และ condition ที่ใช้ในการหมัก เราเลยไม่รู้ว่าแต่ละอันมันพิเศษกว่ากันยังไงบ้าง เราว่าถ้ารู้นะ คงทำให้สิ่งนั้นๆน่าใช้ขึ้นเยอะ แค่อ่านก็สนุกละ ยิ่งได้ใช้นี่ยิ่งตื่นเต้นเลย
กลับมาๆ อันนี้เป็นบล๊อคนะ ไม่ใช่เปเปอร์ บอกประมาณว่า ถ้าอยากเพิ่ม probiotics บนร่างกาย ก็ให้กินอาหารพวก fiber เยอะๆ บนหน้าเนี่ยนะ หรืออ่านมาผิดวะ ไม่ใช่ในลำใส้นะ 55555 เออนั่นแหละ ไม่ชัวร์ เอาโยเกิร์ตมาพอกหน้าก็น่าจะเป็นวิธีการนึงที่เพิ่ม probiotics ได้นะ ก็ในนั้นมันมี probiotics อยู่นี่ ไม่ได้พูดถึงในแง่ว่าในโยเกิร์ตมี lactic acid ผลัดเซลล์ผิว ให้ความชุ่มชื้นอะไรนั่นนะ อันนี้พูดถึงจุลินทรีย์ อีกอย่างนึงที่น่าสนใจก็โยเกิร์ตนมถั่วเหลืองแหละ เพราะมี bifida ด้วย ก็ผสมๆกันไปเลย โยเกิร์ตนมวัวนมควายนมถั่วเหลือง โปะเข้าไปเลย เพิ่มปริมาณจุลินทรีย์ตัวดีๆบนผิวหน้า แค่คิดก็สวยละ ที่เราอินเรื่องนี้ตอนนี้ เพราะช่วงนี้เราทำโยเกิร์ตกินเองด้วย probiotics หลาย genus เลย ก็ใช้ culture เซ็ทเดียวที่เราซื้อไว้ทำชีส ทำครีมชีสเมื่อนานมาแล้วแหละ ซื้อครั้งเดียวเล่นยันแก่เลย
เราอ่านเจออยู่อันนึง ที่บอกว่าถ้าเพิ่มตัว probiotics แล้ว pathogen ก็จะลดลง เพราะ pathogen มันใช้ prebiotics ไม่ได้ ก็จะมีแต่ตัวที่ดีๆที่โตได้ prebiotics ไม่ใช่อาหารเลี้ยงเชื้อทั่วๆไปที่เชื้ออะไรก็จะโตได้หมด มัน specific เฉพาะเชื้อที่ดีๆ อันนี้เราอ่านเจอแค่เปเปอร์เดียวนะ ไม่รู้ว่าเข้าใจถูกป่าว ถ้ายังไงไปอ่านเจอมาใหม่แล้วอันนี้มันไม่ใช่ แล้วจะมาแก้แล้วกัน เพิ่ม probiotics จริงๆก็แก้ปัญหาผิวได้หลายอย่างนะ แต่เราสนใจเรื่องสิวสุด เพราะเราคือคนเป็นสิว จริงๆประโยชน์ของ probiotics ที่มีต่อสิว มันก็มีแง่อื่นๆอีกนะ ลดอักเสบ นู่นนี่นั่น แต่นั่นแหละ เราอ่านเพื่อเอามาใช้งานเฉยๆ เลยไม่ได้เก็บรายละเอียดมาก หลังจากนั้นเราก็คงลองใช้เซรั่มที่มี probiotics แล้วก็มาส์คหน้าบ้าง จุลินทรีย์ดีๆบนผิวเราก็น่าจะเพิ่มขึ้นได้บ้าง เราก็อาจจะได้หายจากการเป็นสิวก็คราวนี้ เออ วิธีรักษาสิวมันมีหลายอย่างนะ เราไม่ได้บอกว่าวิธีนี้ดีนะ แต่คือเราชอบเรื่องจุลินทรีย์ไง เลยอยากลอง การที่เอาจุลินทรีย์มาใช้ในชีวิตประจำวันเราได้ นี่คือความสุขอย่างนึงของเราเลย :)))))))) เออๆ แล้วก็จุลินทรีย์ดีๆบางตัวที่เป็นประโยชน์กับผิวอย่าง Staphylococcus epidermis ในขณะที่ผิวมีความสมบูรณ์ (ก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ว่าผิวมีความสมบูรณนี่มันเป็นยังไง) ก็จะกลายเป็น pathogen ได้ ในขณะที่ผิวไม่มีความสมบูรณ์ แต่ก็มีเปเปอร์ที่บอกว่า active ที่ได้จากเชื้อตัวนี้ยับยั้งสิวได้อยู่นะ แต่ก็อาจจะไม่มีใครเอามาใส่ใน skin care มั๊ง เพราะว่าควบคุมคุณภาพของผิวไม่ได้ ไม่รู้ว่าตอนไหนจะแย่ ถ้าทาไปตอนแย่ๆก็อาจจะทำให้แย่ขึ้นไปอีก
อันนี้ขอแสดงความคิดเห็นส่วนตัวนิดนึง จุลินทรีย์เอามาเลี้ยงบนหน้ามันจะโตได้เหรอ มันจะโตได้จริงเหรอ เรามีความเชื่อว่ามันโตแบบเห็นผลเลยนะ เราเคยใช้ Staphylococcus aureus มาทดสอบ antimicrobial activity ช่วงนั้นนี่ สิวเต็มหน้าเลย เพราะงั๊น species อื่นก็ไม่น่าจะยากเกินที่จะโตได้มั๊ง เพราะมันก็มีอยู่บนหน้าอยู่แล้ว แต่อาจจะปริมาณน้อย ไปสู้กับ pathogen ไม่ได้ จากนี้ก็เติม probiotics เข้าไปค่ะ
Comments
Post a Comment