Lemon Meringue Pie

"Lemon Meringue Pie"

จะทำอะไร ก็ต้องมีสตอรี่ เมนูนี้ก็เช่นกัน ไม่ได้มีสตอรี่เพื่อให้เนื้อหาอะไรน่าสนใจขึ้นหรอกนะ เป็นสตอรี่ส่วนตัวเฉยๆ 

จำไม่ได้ว่าเริ่มสั่งพิโคโล่มากินพร้อมเลมอนทาร์ตตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่พอรู้ตัวอีกที ก็จะชอบสั่ง 2 อันนี้มากินคู่กัน (เกือบทุกร้าน) แปลกแต่จริง ร้านไหนที่มีพิโคโล่ขาย ร้านนั้นต้องมีเลมอนทาร์ตขาย มันก็ไม่ได้มีอยู่ใน coffee pairing dessert จากสำนักไหนหรอกนะ นึกไม่ออกไง ว่าตัวเองสั่งแบบนี้กิน เพราะอะไร หรือเพราะไปดู coffee pairing dessert มา แต่พอไปหาๆดูก็ไม่เจอนะ น่าจะเป็นความบังเอิญของตัวเองมากกว่า

เรามาเริ่มกันเลยละกัน

ส่วนผสมก็มี 3 พาร์ท

1. แป้งพาย ส่วนผสมก็เดิมๆอ่ะ ไม่ต้องใช้หินช่วยอบ อะไร ก็กรุๆแป้งพายลงพิมพ์ เอาส้อมจิ้มนิดหน่อย อบที่อุณหภูมิ 175 องศาเซลเซียส 25 นาที แล้วแต่สีอ่ะ ชอบสีเข้มก็อบนานหน่อย ชอบสีอ่อนๆก็อบเร็วๆ ถ้าใช้ความรู้สึกแบบไม่ต้องดูเวลา ก็เอาตอนมันเริ่มหอมอ่ะ นั่นแหละ สุกละ มันก็ไม่ได้พองอะไรขึ้นมามาก ส่วนพิมพ์นี้ก็ ปริมาตร 90 มิลลิลิตร เลย ใช้แป้งแค่ 60 กรัม เนย 30 กรัม

2. เลมอนเคิร์ด เพราะถาดมันเล็ก เลยไม่ได้ทำอะไรเยอะ

- เลมอน 1/2 ลูก (เอาเนื้อมันมาด้วย แพงนัก ใช้ให้หมด)

- ผิวเลมอน 1/2 ลูก

- น้ำตาล 2 ชช.

- แป้งข้าวโพด 1/2 ชช.

- ไข่แดง 1 ฟอง

- เนย 1 ชต.

 ก็ผสมทุกอย่างเข้าด้วยกัน ยกเว้นเนย ใส่ในชาม ทำแบบ double boil จนมันขึ้นก็ใส่เนย ทำไอ้พวกนี้ทีไร คิดถึงสังขยาใบเตยทุกทีเลย

ทำเสร็จแล้ว ก็เอามาใส่พิมพ์ที่มีแป้งเลยก็ได้ หรือถ้าแป้งยังอบไม่เสร็จ ก็หาพลาสติกแรว๊พปิดไว้ก่อน
เสร็จแล้วก็แช่เย็นเอาไว้ก็ได้ ไม่รู้จะทำอะไร ก็แช่เย็นเอาไว้ก่อน

3. เมอแรง
- ไข่ขาว 1 ฟอง
- น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ

ก็ตีเหมือนตีเมอแรงทั่วๆไปอ่ะ

แล้วก็บีบ จริงๆเอาหัวบีบที่มันเป็นลายละเอียดๆแล้วนะ แต่พอบีบออกมา มองไม่เห็นไรเลย อันนี้ก็ ฟรีสไตล์ อยากจะบีบยังไง จะปาดยังไง จะเอาหนาแค่ไหน ก็แล้วแต่ชอบเลย  แต่เราไม่ชอบหนา มันเหมือนกินไข่ขาวดิบ เลี่ยนๆยังไงไม่รู้

เอาเข้าเตาอบอีกรอบนึง อุณหภูมิ 200 องศาเซลเซียสได้ วางบนชั้นบนสุด ส่วนเวลาที่ใช้ ก็ใช้จมูกให้เป็นประโยชน์ ดมๆเอา พอได้กลิ่นเหมือนน้ำตาลไหม้ ก็ชะโงกหน้าไปดูว่าเออ ได้ยัง ชอบรึยัง สีแบบนี้ไรงี๊ ถ้าถูกใจแล้วก็เอาออกจากเตาได้เลย ถ้าอยากให้ไข่ขาวสุกมากๆหน่อย ก็เปิดไฟอ่อนไว้ก่อน ซักพักนึง พอมันเริ่มน้ำตาลๆ ก็ปรับอุณหภูมิขึ้น มันจะได้เกรียมๆ

เสร็จแล้วก็เอาไปแช่เย็นหน่อยก็ได้ ก่อนจะกิน ความหนาของแต่ละชั้นกำลังดีเลย ส่วนที่เป็นใส้ หนาสุด เปรี้ยวดี ไม่หวานเจี๊ยบ เอาจริงๆก็ทำเองอ่ะเนอะ จะให้มันเป็นรสชาติยังไงก็ได้ ชอบหวานก็ใส่น้ำตาลเยอะๆ อยากได้เปรี้ยวกว่านี้ ก็ลดน้ำตาลลง ก็แค่นั้นเอง กินคู่กับพิโคโล่หร่อยสุด ไม่เชื่อก็ลองไปกินดูก็ได้ วันนี้ก็แค่นี้แหละ ไปละ บ๊ายบาย เออ ส่วนกาแฟนี่ก็ทำเอง ใช้เครื่อง Minipresso ทำ shot เอสเพรสโซ่เอา กาแฟ 1 ส่วน นม 2 ส่วน แก้วก็ประมาณ 3-4 ออนซ์ แล้วแต่ที่บ้านจะมี ไปจริงๆละ